น่าสนใจ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว

มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข7 ตัวเมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวันแต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อเพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพงวันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้านเด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขาเขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขายผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัวพ่อแม่ก็อนุญาตแล้วขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ? เด็กบอกอย่างสุภาพ อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่ หลังร้านน่ะเจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดีแล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมาเด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้นไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ? เด็กชายถาม เจ้าของร้านตอบว่าอ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัวเพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดีมันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้สิ้นคำเจ้าของร้านลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมาขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียวมันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้านลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆเห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขาหางของมันกระดิกดุ๊กด ิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลามันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชายท่าทางจะชอบเขามากเด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ? ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะเจ้าของร้านตอบเด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับเขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้นผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจเจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่าโอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลยเด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไปก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่าทำไมครับทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้? ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้วเพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะลองดูตัวอื่นดีไหม? เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่าคุณอาดูอะไรนี่สิครับว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้นเจ้าของร้านจึงได้เห็นว่าขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัขแต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกันผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆวิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ? เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไปความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขาเด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่าผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆแต่ว่าผมมีเงินไม่พอถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอาขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาทคุณอาจะว่าอย่างไรครับ?เจ้าของร้านน้ำตาไหลรินทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจพลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไปเขาบอกว่าไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชายพวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก......................

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา