ดูแลผิว รอบดวงตา
สภาพโดยทั่วไปของ ผิวพรรณรอบดวงตา เป็นผิวที่มีความบอบบางมากมีกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังน้อย ลักษณะเช่นนี้มักทำให้ผิวในบริเวณดังกล่าวมีปัญหาเรื่องริ้วรอย เกิดการช้ำบวมใต้ตา มีรอยหมองคล้ำ และริ้วรอยแห่งวัย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ วัยที่เพิ่มขึ้น การใช้เครื่องสำอาง การขยี้ตาแรง ๆ แสงแดด แม้แต่การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็ถือเป็นสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ ผิวรอบตวงตา เกิดปัญหา ริ้วรอย
ดังนั้น วิธีการป้องกันไม่ให้เกิด ริ้วรอยรอบดวงตา เจ้าของดวงตาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ผิวพรรณบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภายนอก
1. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ
2. ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีในปริมาณน้อย และเหมาะสมกับสภาพผิว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ในบริเวณดังกล่าว
3. ควรลดปริมาณการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีที่ได้จากควันบุหรี่ และแอลกอฮอล์ในสุรา เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะเส้นใยที่เรียกว่า “อิลาสติน” เกิดการเสื่อมสภาพทำให้เกิด รอยย่น บน ผิวพรรณ ได้ง่าย
4. สำหรับสาเหตุที่มาจากกรรมพันธ์และวัยที่เพิ่มมากขึ้น เจ้าของดวงตาก็ควรจะดูแล ผิวรอบดวงตา ให้ได้รับความชุ่มชื้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ
แต่หากป้องกันแล้วยังมีปัญหา การแก้ไขก็มีหลายวิธีแล้วแต่สภาพของปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหารอยหมองคล้ำ และ ริ้วรอยรอบตวงตา ถ้าไม่มากจนเกินไป ก็สามารถใช้ยาหรือครีม เพื่อ ลดริ้วรอย และ ความหมองคล้ำ นั้นได้
ปัจจุบันครีมหรือยาประเภทเครื่องสำอางมีจำหน่ายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารพิเศษชนิดต่างๆ ที่เป็นปัจจัยในการชะลอการเสื่อมสภาพของผิวพรรณ และริ้วรอยแห่งวัยได้ เช่น สาร AHA ที่ได้จากผัก ผลไม้ ซึ่งสารเหล่านี้มนุษย์รู้จักนำเอามาใช้กันตั้งแต่โบราณแล้ว เช่น การใช้แตงกวาเพราะเชื่อว่าจะช่วย ลดรอยหมองคล้ำ ได้
นอกจากนี้ยังมีเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวอีกมากมายที่นำสารต่าง ๆ มาใช้ในการ ลดริ้วรอยแห่งวัย เช่น BHA หรือกรดเบต้าไฮดร็อกซี, วิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เอ ซี อี รวมทั้งสารสกัดจากพืชต่าง ๆ อีกมากมาย ที่มักถูกนำมาเป็นส่วนผสมในครีมและเครื่องสำอาง
การใช้เครื่องโฟโนโฟรีซีส (Phonophoresis) หรือการทำโฟโนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลด รอยคล้ำใต้ดวงตา ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
โดยเครื่องมือดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการนวดด้วยคลื่นเสียง บวกกับความสั่นสะเทือนเพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหน้า ก่อนทำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสภาพผิว และทายาบำรุงผิวลงบนใบหน้า
จากนั้นใช้เครื่องโฟโนคลึงบนใบหน้าเบา ๆ ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าผิวหนัง และเข้าไปบำรุงเซลล์ทำให้เกิดการสร้างตัวมากขึ้นของเชลล์ และทำให้รอยย่นบนใบหน้าลดลงเรื่อย ๆ
นอกจากวิธีการแก้ไขดังที่กล่าวมาแล้วยังมีวิธีการใช้สารพิเศษในการแก้ไข คือ
การฉีดสารโบท็อกซ์ (BOTOX)ซึ่งเป็นโปรตีนสกัด โดยสารนี้จะทำหน้าที่หยุดยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของ ริ้วรอย ส่งผลให้ ริ้วรอย อย่างรอยตีนกาถูกขจัดออกไป
การรักษา ริ้วรอยรอบดวงตา ยังมีวิทยาการใหม่ล่าสุดคือ การใช้ เลเซอร์ ที่ไม่ทำให้เกิดแผล แต่มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ทำให้ ริ้วรอย กลับมาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดก็คือ การดูแลผิวพรรณให้เกิดความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผิวพรรณทั้งทางตรงและทางอ้อม
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแสงแดดเป็นเวลานานๆ
เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีผลกระทบและระคายเคือง
พักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่และเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
งดหรือลดการสูบบุหรี่ และดื่มสุราทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ข้อมูลโดย : โรงพยาบาลยันฮี
ประวัติ ส่วนตัว ข่าว บันเทิง รูป กวนๆ รูปน่ารัก แชท หา เพื่อน และเรื่อง คัน ปาก อยากคุย