เราควรรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรรี่เสื่อม
รถที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ และรถที่ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ธรรมดา
ล้วนแล้วแต่ต้องใช้แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บพลังงานไฟฟ้าภายในรถยนต์ด้วยกันทั้งสิ้น
ก่อนที่จะรู้วิธีการยืดอายุการใช้แบตเตอรี่
เราควรรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม และต้องยกเปลี่ยนใหม่กันก่อน
โดยสาเหตุที่มักเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะฟิวส์ขาด อัลเตอร์เนเตอร์บกพร่อง เกิดไฟฟ้าลัดวงจรใน
ระบบไฟฟ้า ขั้วแบตเตอรี่ไม่ได้รับการขันหรือไม่แน่น ความจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่ไม่เพียงพอกับ
ขนาดของรถ กระแสไฟฟ้าที่ชาร์จใส่แบตเตอรี่ใหม่ไม่เพียงพอและแบตเตอรี่ภายหลังจากเติมน้ำ
กรดถูกปล่อยทิ้งไว้นาน โดยไม่มีการชาร์จไฟในตอนเริ่มต้น หรือไม่ได้รับการชาร์จจากรถยนต์
เมื่อรู้ถึงสาเหตุแล้ว ก็ควรที่จะหมั่นดูแลรักษาแบตเตอรี่ดังนี้

น้ำกลั่นภายในไหลออกมาทำลายผิวและสีรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไว และไม่เก็บประจุไฟฟ้า

ใช้น้ำร้อนขัดทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และขั้วสายไฟ เช็ดให้แห้ง แล้วทาด้วยจาระบีเพื่อให้ไฟเดินสะดวก

แบตเตอรี่บางรุ่นจะมีหลอดแก้วบอกถึงสภาพของแบตเตอรี่อยู่ในสภาพใด

ถ้าต่ำไปจะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์
หรือถ้าสูงไปจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นที่อยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้
ในช่วงเวลาเดียวกัน ควรตรวจเช็กความตึงของสายพานไดชาร์จด้วย

เพราะในขณะที่อากาศเย็น ประสิทธิภาพการแพร่กระจายของน้ำกรดและน้ำกลั่นจะด้อยลง
เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมาก ๆ ขณะอากาศเย็น

และไดชาร์จด้วย เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี

ถ้าไม่มีการชาร์จไฟเข้าไปแทนที่จากการสตาร์ตเครื่องยนต์ จะทำให้แผ่นธาตุเสื่อมไว
และคุณภาพการเก็บไฟลดต่ำลง

การทำความสะอาดแบตเตอรี่
ใช้แปรงลวดปัดทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ เพื่อขจัดความสกปรกในเบื้องต้นก่อน
จากนั้นใช้แปรงลวดจุ่มโซเดียมคาร์บอเนตหรือโซดาผงผสมน้ำ ปัดเพื่อทำความสะอาดแบตเตอรี่
และล้างโซเดียมคาร์บอเนตออกด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางดูดน้ำออกให้หมด
ควรถอดสายแบตเตอรี่ออก โดยถอดขั้วลบออกก่อน และเมื่อประกอบกลับคืนให้ใส่ขั้วบวกก่อน
เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ
การดูแลรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้
จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้สามารถใช้งานได้ไปอีกนาน อย่างไรก็ดี
นอกจากจะรู้วิธีการดูแลรักษาแบตเตอรี่แล้ว ควรระมัดระวังน้ำกรดในแบตเตอรี่
เพราะเป็นอันตรายต่อดวงตาและผิวหนัง
และหากน้ำกรดเข้าตา ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 5 นาที แล้วรีบไปพบแพทย์ทันที
ที่มา นิตยสารรถวันนี้
คอลัมน์:ออโต้ทิป
ผู้เขียน:ต้นออโต้