น่าสนใจ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความสวย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ความสวย แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

สูตรพอกหน้า

1. น้ำผึ้ง + มะขามเปียก : เอามะขามเปียก มาแยกเม็ด และ ใยออก  (แค่พอ   ใช้ครั้งเดียว ) + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ในสัดส่วนที่เท่ากันค่ะ ผสมกันเป็นเนื้อเดียวกัน จะข้นมาก ๆ เป็นสีน้ำตาลออกดำเลย เอามาพอกหน้า จะรู้สึกยิบ ๆ ที่หน้าพักหนึ่งแล้วก็ปล่อยทิ้งไว้ ล้างหน้าออกด้วยน้ำอุ่น .. OH George ! มันเยี่ยมอะไรอย่างนี้ .. หน้าขาว ใส สะอาด มาก ๆ เลยค่ะ
2. น้ำผึ้ง + ใบบัวบก : เอาใบบัวบกที่ยอดไม่แก่มากนะค่ะ เอามา 1 กำมือ มาสับ ๆ ๆ ๆ จนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เอาผ้าขาวบาง ( อย่าแอบใช้ที่นึ่งข้าวเหนียวนะค่ะ หุหุ ) มาห่อใบบัวบกที่สับแล้ว คั้นเอาน้ำออกมาก่อนค่ะ ได้สัก 8 - 10 หยด นี้ใช้ได้แล้ว เอา มาผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน เอากากของใบบัวบก มาผสม คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ ครีมพอกหน้าสีดำ ๆ เอามาโปะบนหน้าเลยค่ะ .. ล้างออก อีกแล้นนนน มันวิเศษมากจอร์จ .. เพราะว่า ใบบัวบก จะมีสาร เซนทริล่า ( คือ ตัวเดียวกับใน Smooth E , ครีมหน้าเด้ง ชั้นสูง ฯลฯ ) ใบบัวบก จะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง เมื่อเซลล์แข็งแรง ก็พร้อมจะทำงานของมันได้อย่างสมบูรณ์
3. น้ำผึ้ง + โยเกริ์ต : อันนี้แนะนำว่า ต้องเป็นโยเกริ์ตรส ธรรมชาตินะค่ะ และต้องล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนใช้สูตรนี้ ไม่งั๊น สิวจะถามหาเน้อ ไม่มีไร มาก ก็เอามาผสมในอัตราที่เท่ากัน แล้วเอามาพอกหน้า ( ควรเป็น โยเกริ์ตแช่เย็น นะค่ะ)
4. น้ำผึ้ง + กล้วยหอม :  เอากล้วยหอมมาปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ ปั่นอีกครั้ง จะได้ครีมพอกหน้า สีน้ำตาลขุ่น ๆ เอามาพอกหน้าได้เลยครับ .. วิตามินเอ และ สารพัด วิตามิน จะไปบำรุงผิวหน้าให้ นุ่ม เซลล์ผิวแข็งแรง และ หน้าสะอาดค่ะ
5. น้ำผึ้ง + มะเขือเทศ : อันนี้หรือ . สุดยอดอีกตัวที่มีคนใช่บ่อย พอ ๆ กับ ตัวที่ 1 และ 2 ค่ะ ไม่มีไรมากค่ะ พยายามเลือกมะเขือเทศสด ที่ผิวสีแดง และ ผิวของมะเขือเทศด้านนอก ตึง ใส ไม่เหี่ยว มา 1 ลูกค่ะล้างให้สะอาด เอาเข้าเครื่องปั่นให้ เละเลย ใส่น้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ เอามาพอกหน้า .. OH Double George ! ทำไมหน้ามันสดใส ขาว และ ดูมีน้ำในผิว เช่นนี้ .. อันนี้
สูตรหน้าใสด้วยตัวเอง

อ่านต่อ..

3 สูตรหน้าใส โดยวิธีธรรมชาติ

1. สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้ง
วิธีแรกใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชา อุ่นด้วย ไฟอ่อน ๆ ประมาณ ครึ่งนาที จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็นแล้วทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงเช็ดออกด้วยสำลี แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น คุณจะรู้สึกว่าผิวหน้านุ่มเนียนขึ้น วิธีนี้ช่วยกำจัดสิวหัวดำและจุลินทรีย์ที่หมักหมมอยู่ตามรูขุมขนได้หมดจด และยังช่วยให้เลือดลมเดินดีขึ้นอีกด้วยค่ะ 
วิธีที่สอง ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งแล้วใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้ง ลูบไล้บนใบหน้าและลำคอเบาๆสักครู่ แล้วนวดหน้าด้วยปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาสักประมาณ 5 นาที จนน้ำผึ้งเหนียว นวดต่อไปไม่ได้แล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ นอนพักให้ ศีรษะอยู่ต่ำกว่าระดับปลายเท้า เพื่อให้เลือดไหลมาหล่อเลี้ยงที่ใบหน้าและลำคอได้สะดวกยิ่งขึ้น พักสักครู่ แล้วค่อยๆใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดน้ำผึ้งออก

2. สูตร โลชั่นน้ำนมผสมแอ๊ปเปิ้ล
         ล้างแอ๊ปเปิ้ล 1 ผลให้สะอาดแล้ว หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เติมน้ำนมสดลงไปประมาณครึ่งถ้วย บดให้ละเอียดเข้ากัน ใช้แทนโลชั่นสำหรับผิวแห้งหรือเกรียมแดด ทั้งยังช่วยขจัดฝุ่นละออง ที่คั่งค้างอยู่ตามผิวหน้า ด้วยโลชั่นแอ๊ปเปิ้ลนี้ เราสามารถเก็บใส่ขวดเข้าตู้เย็นเก็บไว้ใช้ได้นานอีกด้วยค่ะ

3. สูตรหน้าใสไร้ริ้วรอยด้วยมะละกอ 
ใช้มะละกอสุก แล้วนำไปบดให้ละเอียดประมาณ 2 ช้อนชา พอกหน้าให้ทั่ว และทิ้งไว้10-2 0 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเป็นประจำวันละครั้ง ผิวหน้าจะเนียนขึ้น ช่วยลดริ้วรอยได้ด้วยค่ะ
                                          
และทั้ง 3 สูตรนี้ ก็เป็นวิธีการบำรุงผิวหน้าทางธรรมชาติที่ไม่ต้องเสียเงินมาก เพียงแค่ลองมองพืชผักผลไม้ในครัวบ้านของคุณ แล้วนำมาใช้ตามวิธีที่เราได้บอกไป คุณก็จะมีใบหน้าที่สวยสดใสกันได้ค่ะ และอย่าลืมหมั่นดูแลเอาใจใส่กับผิวพรรณของคุณตั้งแต่วันนี้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปคุณก็จะยังมีผิวที่สวยสดใสไปตลอดกาลค่ะ...*

อ่านต่อ..

4 สูตรหน้าใส ทำได้ด้วยตัวเอง

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ต้องล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด แล้วนำแอปเปิ้ลยังไม่ปลอกเปลือกสักครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก
 2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส
นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วก็คั้นมะนาวเอาแต่น้ำสัก 1 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกให้ทั่ว เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก
 3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
เตรียมโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะ และมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ สัก 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก
 4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย ผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี

ถ้าใครอยากมีผิวหน้าใส ก็ลองทำตามวิธีที่แนะนำกันได้

บทความคล้ายกัน:3 สูตรหน้าใส โดยวิธีธรรมชาติ

อ่านต่อ..

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ถนอมตาสวย ด้วยวิถีธรรมชาติ

เมื่อพูดถึงการดูแลผิว ไม่ว่าผิวส่วนไหน ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องเกี่ยวพันกับสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ผิวรอบดวงตา ที่เมื่อใดที่เราเริ่มมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเกิดอาการ ธาตุไฟไม่สมดุล ผิวบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อนเลยทีเดียว
อาการธาตุไฟไม่สมดุลนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย โดยสิ่งกระตุ้นจากอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา รวมไปทั้งปัจจัยความเครียด และความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้บริเวณรอบๆดวงตาเป็นรอยหมองคล้ำและบวมแดง เห็นได้ชัดกว่าผิวบริเวณอื่น เพราะผิวส่วนนี้มีความละเอียดอ่อนและบอบบางมากกว่าผิวบริเวณอื่นๆ และยังเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเซลล์ต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายยังไวต่อการร่วงโรยเป็นพิเศษซะอีกด้วย และบางที การที่คุณทำความสะอาดผิวหรือเมคอัพรอบดวงตาอย่างไม่ระวัดระวังหรือหนักมือเกินไป ก็เป็นการทำร้ายผิวได้พอๆกัน
ปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบดวงตาโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังต้องพึ่งการดูแลด้วยธรรมชาติควบคู่ไปพร้อมๆกัน ซึ่งในเรื่องนี้ นายแพทย์แอนดรูว์ ไวล์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ออริจินส์ มาให้คำแนะนำถึงในการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตา โดยเน้นเรื่องการดูแลสุขภาพโดยผสมผสานเอาวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วย ผมคิดว่า แนวความคิดในเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการผสมสานวิธีธรรมชาติเข้าไปด้วยนั้น มีข้อเด่นคือ คุณเป็นผู้กุมบังเหียนสุขภาพของตัวเองไว้ในมือ คุณจะรู้อย่างแน่ชัดว่า สิ่งที่คุณกินหรือทำนั้น ก่อผลต่อสุขภาพอย่างไร
         วิธีการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตาที่คุณหมอแนะนำ ก็มีอยู่หลายข้อทีเดียวค่ะ ซึ่งเราสามารถนำไปปฏิบัติกับตัวเองได้อย่างง่ายๆ


หัวข้อ
เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาดูสวยสดใส
อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส
เคล็ดลับการนวดกดจุดเพื่อผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาดูสวยสดใส
    - ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกๆ 2 - 4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1 - 2 ปี
    - สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรเริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตา โดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10 - 15 นาที
    - ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถปกป้องและกรองแสงยูวีได้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดจ้า
    - ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับควันและฝุ่นละอองต่างๆ โดยตรง


อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส
    - รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆ ดีกว่า
   - รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง มีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลาย โดยการต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา
    - รับประทานสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือรับประทานปลาชนิดต่างๆ


เคล็ดลับการนวดกดจุดเพื่อผ่อนคลายบริเวณรอบดวงตา
    1. ใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกทางด้านข้าง 3 ครั้ง
    2. ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้าง หมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆกัน ในลักษณะวนตามเข็มนาฬิกา และแต่ละครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 60 รอบ
    3. ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วไปถึงขมับ 3 รอบ
    4. กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาไปถึงหางตา 3 รอบ
    5. ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ
    6. ทำซ้ำข้อ 2 - 5 ทั้งหมด 3 รอบ
    7. นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา โดยลากน้ำหนักลงที่ปลายนิ้ว ออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้า

ที่มา เว็บไซต์ผู้หญิงนะค่ะ

อ่านต่อ..

การดูแลผิวรอบดวงตา

ดูแลผิว รอบดวงตา
สภาพโดยทั่วไปของ ผิวพรรณรอบดวงตา เป็นผิวที่มีความบอบบางมากมีกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังน้อย ลักษณะเช่นนี้มักทำให้ผิวในบริเวณดังกล่าวมีปัญหาเรื่องริ้วรอย เกิดการช้ำบวมใต้ตา มีรอยหมองคล้ำ และริ้วรอยแห่งวัย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ วัยที่เพิ่มขึ้น การใช้เครื่องสำอาง การขยี้ตาแรง ๆ แสงแดด แม้แต่การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็ถือเป็นสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ ผิวรอบตวงตา เกิดปัญหา ริ้วรอย
ดังนั้น วิธีการป้องกันไม่ให้เกิด ริ้วรอยรอบดวงตา เจ้าของดวงตาจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ผิวพรรณบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภายนอก
 1. หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ
 2. ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีในปริมาณน้อย และเหมาะสมกับสภาพผิว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ในบริเวณดังกล่าว
 3. ควรลดปริมาณการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีที่ได้จากควันบุหรี่ และแอลกอฮอล์ในสุรา เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะเส้นใยที่เรียกว่า “อิลาสติน” เกิดการเสื่อมสภาพทำให้เกิด รอยย่น บน ผิวพรรณ ได้ง่าย
 4. สำหรับสาเหตุที่มาจากกรรมพันธ์และวัยที่เพิ่มมากขึ้น เจ้าของดวงตาก็ควรจะดูแล ผิวรอบดวงตา ให้ได้รับความชุ่มชื้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ
แต่หากป้องกันแล้วยังมีปัญหา การแก้ไขก็มีหลายวิธีแล้วแต่สภาพของปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหารอยหมองคล้ำ และ ริ้วรอยรอบตวงตา ถ้าไม่มากจนเกินไป ก็สามารถใช้ยาหรือครีม เพื่อ ลดริ้วรอย และ ความหมองคล้ำ นั้นได้
ปัจจุบันครีมหรือยาประเภทเครื่องสำอางมีจำหน่ายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารพิเศษชนิดต่างๆ ที่เป็นปัจจัยในการชะลอการเสื่อมสภาพของผิวพรรณ และริ้วรอยแห่งวัยได้ เช่น สาร AHA ที่ได้จากผัก ผลไม้ ซึ่งสารเหล่านี้มนุษย์รู้จักนำเอามาใช้กันตั้งแต่โบราณแล้ว เช่น การใช้แตงกวาเพราะเชื่อว่าจะช่วย ลดรอยหมองคล้ำ ได้
นอกจากนี้ยังมีเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวอีกมากมายที่นำสารต่าง ๆ มาใช้ในการ ลดริ้วรอยแห่งวัย เช่น BHA หรือกรดเบต้าไฮดร็อกซี, วิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เอ ซี อี รวมทั้งสารสกัดจากพืชต่าง ๆ อีกมากมาย ที่มักถูกนำมาเป็นส่วนผสมในครีมและเครื่องสำอาง
การใช้เครื่องโฟโนโฟรีซีส (Phonophoresis) หรือการทำโฟโนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถลด รอยคล้ำใต้ดวงตา ลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
โดยเครื่องมือดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการนวดด้วยคลื่นเสียง บวกกับความสั่นสะเทือนเพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหน้า ก่อนทำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสภาพผิว และทายาบำรุงผิวลงบนใบหน้า
จากนั้นใช้เครื่องโฟโนคลึงบนใบหน้าเบา ๆ ตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าผิวหนัง และเข้าไปบำรุงเซลล์ทำให้เกิดการสร้างตัวมากขึ้นของเชลล์ และทำให้รอยย่นบนใบหน้าลดลงเรื่อย ๆ
นอกจากวิธีการแก้ไขดังที่กล่าวมาแล้วยังมีวิธีการใช้สารพิเศษในการแก้ไข คือ
การฉีดสารโบท็อกซ์ (BOTOX)ซึ่งเป็นโปรตีนสกัด โดยสารนี้จะทำหน้าที่หยุดยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของ ริ้วรอย ส่งผลให้ ริ้วรอย อย่างรอยตีนกาถูกขจัดออกไป
การรักษา ริ้วรอยรอบดวงตา ยังมีวิทยาการใหม่ล่าสุดคือ การใช้ เลเซอร์ ที่ไม่ทำให้เกิดแผล แต่มีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ทำให้ ริ้วรอย กลับมาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีที่สุดก็คือ การดูแลผิวพรรณให้เกิดความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผิวพรรณทั้งทางตรงและทางอ้อม
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแสงแดดเป็นเวลานานๆ
เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีผลกระทบและระคายเคือง
พักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่และเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
งดหรือลดการสูบบุหรี่ และดื่มสุราทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง
ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
ข้อมูลโดย : โรงพยาบาลยันฮี

อ่านต่อ..