น่าสนใจ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกียร์ออโต้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เกียร์ออโต้ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

การถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ

การถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ


ปัจจุบันเห็นมีการโฆษณากันมาก เรื่องเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
บอกว่าดีกว่าการเปลี่ยนถ่ายในศูนย์บริการทั่วไป เพราะถ่ายได้หมดจดกว่ากัน แต่ราคามันแพง
จึงอยากถามถึงความจำเป็นในการถ่ายน้ำมัน เกียร์อัตโนมัติ และหากจำเป็นควรใช้วิธีไหน

เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั้น ผมขอเรียนให้ทราบก่อนว่า
ระยะเวลาที่สมควรทำการเปลี่ยนถ่ายแต่ละครั้ง ก็คือ ประมาณ 25,000 ถึง 35,000 กิโลเมตร
แล้วแต่สภาพการใช้งาน และสภาพทางที่วิ่ง เช่น
ใช้งานในเมืองที่การจราจรติดขัดมากๆ เกียร์มีการเปลี่ยนไปมาบ่อยๆ และมีความร้อนในน้ำมันเกียร์มาก
ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร

หรือหากต้องวิ่งผ่านทางที่เป็นฝุ่นมากๆ หรือผ่านทางที่น้ำท่วมขัง
ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทางไม่เกิน 25,000 กิโลเมตร

เช่นเดียวกัน แต่หากผ่านทางที่น้ำท่วมขังเกินกว่าครึ่งล้อ
ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทันทีที่ผ่านทางน้ำท่วมนั้นมาแล้ว

แต่หากคุณใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ในพื้นที่ซึ่งรถไม่ติด การจราจรปลอดโปร่ง
เช่น ใช้ในจังหวัด ที่มีอากาศเย็น อย่างลำพูน หรือแพร่
คุณก็สามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติไปได้ถึง 35,000 กิโลเมตร

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นหากคุณเป็นคนใช้รถยนต์น้อย ผมแนะนำว่า
ไม่ควรเกินสองปี ก็ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติแล้วครับ

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั้น ต้องให้ช่างตามศูนย์บริการรถยนต์นั้นๆ
หรือช่างในศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่มีความรู้เรื่องเกียร์อัตโนมัติเป็นผู้ทำการให้

โดยปกติแล้วเมื่อถอดนอตที่ก้นแคร้ง เพื่อทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติออกมา
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติจะไหลออกมาประมาณครึ่งหนึ่งหรือไม่เกิน 2ใน 3 ของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติทั้งหมดในระบบ

ดังนั้นหากเห็นว่าน้ำมันเก่าที่ไหลออกมา มีความสกปรกปะปนอยู่มาก ก็ให้นำรถไปวิ่งใช้งานสักพักหนึ่ง
แล้วนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่น้ำมันเกียร์ยังอุ่นๆ อยู่
และหากรถยนต์รุ่นนั้นๆ มีกรองน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ แบบที่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้
ก็ให้ถอดกรองออกมาล้างทำความสะอาดด้วยทุกครั้ง หรือถ้าเป็นแบบล้างไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนกรองทุกครั้ง

ในคนที่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์อยู่บ้าง สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อัตโนมัติด้วยตนเองให้สะอาดได้ไม่ยากนัก
ด้วยวิธีการที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้คือ หาตำแหน่งที่ติดตั้งระบบระบายความร้อนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
หรือที่เรียกกันว่า ออยล์คูลเลอร์เกียร์อัตโนมัติ

จากนั้นก็ดูว่าสายยางเส้นไหน เป็นเส้นที่ส่งน้ำมันเข้าออยล์คูลเลอร์ เส้นไหนเป็นเส้นที่ส่งน้ำมันออกจาก
ออยล์คูลเลอร์ เมื่อพบแล้วให้ถอดสายยางส่วนที่ออกจากออยล์คูลเลอร์ของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
แล้วติดเครื่องยนต์ขึ้นมา ไม่ต้องเร่งเครื่อง คอยดูว่าน้ำมันเกียร์อัตโนมัติไหลออกมาจากสายยางดังกล่าวจนหมด
เริ่มเห็นฟองอากาศ ก็ให้ดับ เครื่องยนต์แล้ว สวมสายยางกลับไปอย่างเดิมให้แน่นหนา
จากนั้นก็เติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติเข้าไปตามปริมาณ หากเห็นว่าน้ำมันเกียร์ อัตโนมัติไม่ค่อยไหลออกมา
ให้ดึงเบรกมือรถเอาไว้ให้แน่น เหยียบเบรคให้สนิท แล้วโยกคันเกียร์ไปมา ระหว่างตำแหน่ง N ไป D
สลับไปมาเบาๆ จนเห็นน้ำมันเกียร์ไหลออกมาหมด เมื่อเติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติเข้าไปแล้ว
ให้นำรถออกไปวิ่งใกล้ๆ อย่างนุ่มนวล แล้วกลับมาวัดระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติใหม่อีกครั้งหนึ่ง
หากเห็นว่าระดับน้ำมัน เกียร์ต่ำกว่าระดับมาตรฐาน ก็เติมลงไปให้ถูกต้อง เท่านี้ก็เสร็จเรื่องครับ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ


อ่านต่อ..

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีการล้างเกียร์ออโต้

รถยนต์ในปัจจุบันที่วิ่งอยู่บนท้องถนนนั้น มีมากมาย มีทั้งเก่า ทั้งใหม่ ปะปนกันไป
อายุการใช้งานก็แตกต่างกันไป แล้วแต่สภาพของรถคันนั้นๆ

การดูแลรักษานั้นก็แล้วแต่ละคนว่าจะดูแลรถยนต์ของตัวเองได้ดีแค่ไหน ต้องหมั่นตรวจเช็ค
ตามเวลาของมัน อะไหล่ของรถยนต์ทุกส่วนต่างต้องการ การดูแลรักษาเพื่อให้อยู่ในสภาพที่
ใช้งานได้อย่างยาวนาน เพราะฉะนั้น ถ้าอุปกรณ์หรืออะไหล่ทุกส่วนได้รับการดูแลรักษาอย่างดี
ก็ทำให้รถของเราได้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ถ้ากล่าวถึงการทำความสะอาดอะไหล่ส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ และคนส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึง

สักเท่าไหร่ เพราะเป็นส่วนที่คนจะมองข้ามไปหรือไม่สนใจนั่นก็คือ การล้างเกียร์ เกียร์เป็นส่วน

ที่ถูกใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดา เกียร์ออโตเมติก จะมีการสึกหรอมากที่สุด 
ถ้าจะถามว่าทำไมต้องล้างเกียร์ ก็คือ เพราะในเกียร์จะมีแผ่นคลัชหลายชิ้นมาก มันจะเป็น
คาร์บอนและจะทำให้เกิดแผ่นสีดำเป็นผง เจ้าสิ่งนี้เองที่จะทำให้เกียร์สกปรกและเสื่อมสภาพ
ถ้าปล่อยให้ผงคาร์บอนเกาะหนาจนเกินไป การดูแลรักษานั้นจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ 
การถ่ายน้ำมันเกียร์นั้น ต้องดูจากกระบุกน้ำมันเกียร์บริเวณห้องเครื่องตรงฝากระโปรงหน้ารถว่า
สีของน้ำมันเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า



 หรือมีการพร่องของน้ำมันเกียร์หรือไม่ และอีกอย่างที่สำคัญก็คือต้องล้างไส้กรองภายในห้อง
เกียร์ ถ้าจะถามว่าขั้นตอนและวิธีการของการล้างเกียร์นั้นมีอะไรบ้าง ก็คือ ถ้าเป็นรถทั่วไปจะมี
กรองเกียร์อยู่ใต้แท็งค์ เราก็ต้องลื้อออกมาเพื่อทำความสะอาดหรือล้างไส้กรอง แต่ถ้าสกปรก
มากอาจจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนเลยก็ได้ ส่วนไม้วัดน้ำมันเกียร์จะอยู่ด้านบน
รถแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกันอาจจะแตกต่างกันแค่ตำแหน่งการวางของมันว่าจะอยู่ด้านไหน
แต่กรองเกียร์จะอยู่ด้านล่างต้องถอดแท็งค์ออกมา แล้วจะมีไส้กรองอยู่ด้านใน

 ส่วนขั้นตอนการล้างเกียร์นั้นต้องเข้าไปดูใต้ท้องรถจะมีน๊อต ถ่ายน้ำมันออกแล้วก็ต้องถอดน๊อต
รอบแท็งค์ และถอดไส้กรองออกมา แล้วมาดูถ้ามันดำต้องสังเกตดูช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ 
ที่ดูดน้ำมันเข้าไปว่ามีสิ่งสกปรกอยู่หรือเปล่า เพราะว่าถ้ามีสิ่งสกปรกอยู่เวลาดูดน้ำมันเข้าไปก็จะ
ติดสิ่งสกปรกเข้าไปด้วยทำให้ระบบเกียร์มีปัญหา เรื่องของอาการที่จะบ่งบอกว่าเกียร์สกปรก
สมควรแก่การทำความสะอาดก็คือ การเปลี่ยนเกียร์จะกระตุก กระชากไม่นิ่มนวล
ถ้าเกียร์ธรรมดาไม่เกี่ยวกัน อาการนี้จะใช้เฉพาะเกียร์ออโตเมติกเท่านั้น ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา
นั้นตรวจสอบได้คือ เวลาเข้าศูนย์บริการหรือปั๊มน้ำมันสามารถตรวจสอบได้คือดูว่าน้ำมันดำ
หรือไม่ แต่จริง ๆ แล้วควรถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะที่กำหนดไว้แค่นี้ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ

 ส่วนการล้างเกียร์กับการถ่ายน้ำเกียร์จะไม่แตกต่างกันนัก เพียงแต่ว่าการล้างเกียร์นั้นต้องถอด
แท็งค์ออกมาเพื่อดูกรองน้ำมันด้วย แต่ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ก็เพียงแต่ไขน๊อตด้านล่างแล้วถ่าย
น้ำมันเกียร์ได้เลยไม่ยุ่งยาก อีกอย่างวิธีการสังเกตุว่าถึงเวลาหรือยัง ถ้าล้างไปแล้ว ครั้งต่อไป
จะต้องล้างอีกเมื่อไหร่ ให้สังเกตุจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ รอบ ถ้าสีน้ำมันยังไม่ดำจน
เกินไปก็ไม่ต้องถอดมาล้าง ให้ดูจากไม้วัดน้ำมันเกียร์ ทำลักษณะการเช็คว่า น้ำมันเครื่องควร
เปลี่ยนหรือยัง ก็คือ การยกไม้วัดน้ำมันขึ้นมาเช็ดดูว่าสีของน้ำมันเป็นอย่างไร จะคล้าย ๆ
กันการดูสีของน้ำมันเครื่อง รถแต่ละยี่ห้อจะมีการล้างเกียร์จะแตกต่างกันบ้างเช่น รถยุโรป
รถญี่ปุ่น นั้นมีลักษณะที่คล้ายกัน แต่มี HONDA นี่แหล่ะจะแตกต่างจากประเภทอื่น คือ
ตัวแท็งค์จะอยู่ด้านในต้องยกเกียร์ออกมา และจะล้างลำบากกว่ายี่ห้ออื่น ควรเข้าศูนย์และ
อู่ที่มีความชำนาญเพื่อให้รถของคุณได้ทำโดยช่างที่มีความสามารถในด้านนี้จริง ๆ

ได้ทราบกันไปแล้วกับการล้างเกียร์ออโตเมติกว่าเราจะทำอย่างไร ถ้ากรณีนี้เกิดกับตัวเราเอง
การล้างเกียร์บางคนมองข้ามไปโดยที่ไม่ทราบว่าต้องล้างด้วยหรือ ส่วนมากเน้นไปกับการถ่าย
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก เปลี่ยนคลัช เป็นต้น ในกรณีนี้สำคัญไม่แพ้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น
รถแต่ละคันมีความเสื่อมของอุปกรณ์หรืออะไหล่ด้วยกันทั้งนั้น แล้วแต่ว่าคุณจะรักษาและดูแล
มันดีแค่ไหน ถ้าคุณใส่ใจกับรถคันเก่งของคุณ มันก็จะอยู่กับเรานาน ๆ แล้วคุณจะได้ชื่อว่า
ฅ.คนรักรถ ตัวจริง!

ที่มา : http://www.carvarity.com

อ่านต่อ..

วิธีใช้เกียร์ AUTO อย่างปลอดภัย

วิธีใช้เกียร์ AUTO อย่างปลอดภัย

กระหึ่มในวงกว้าง เมื่อนักแสดงชื่อดังถูกรถยนต์เกียร์อัตโนมัติถอยชนตาย
โดยไม่พบผู้ขับท่ามกลางความค้างคาใจว่าเกียร์คาอยู่ที่ R ได้อย่างไร?
คันเกียร์เลื่อนได้เอง หรือ เพราะอะไร? เกียร์อัตโนมัติน่ากลัวขนาดนั้นเชียวเหรอ?

อ่านวิธีใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างปลอดภัย สั้นกระชับและตรงประเด็น บทความนี้ไม่ได้แนะนำ
ถึงวีธีการใช้เกียร์ อัตโนมัติให้เต็มประสิทธิภาพ แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยเฉพาะ
ส่วนในกรณีที่นักแสดงดังเสียชีวิต ไม่ว่าจะมีผลสรุปเป็นเช่นไร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบทความนี้
เป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่า ไม่มีผู้อื่นขับ และรถยนต์ไม่มีความบกพร่อง


ตำแหน่ง R ต้องตั้งใจเข้า
สำหรับรถยนต์รุ่นที่มีร่องคันเกียร์แนวตรงและมีปุ่มกดที่หัวเกียร์
การเข้าเกียร์ไปยังตำแหน่งเกียร์ถอย-R ทั้งจากเกียร์จอด-P หรือจากเกียร์ว่าง-N
รถยนต์ทุกรุ่นที่เกียร์เป็นร่องตรง ต้องมีการกดปุ่มที่หัวเกียร์
และบางรุ่นต้องเหยียบเบรกพร้อมกับกดปุ่มที่หัวเกียร์ ถึงจะเลื่อนไปยังเกียร์ถอย-R ได้

หากไม่ทำเช่นนั้น จะไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้ เพราะมีสลักล็อกอยู่
แม้จะใช้ 2 มือดันสุดแรง ถ้าสลักไม่หัก ก็เลื่อนไม่ได้แน่ๆ
ในกรณีของนักแสดงกับแลนเซอร์ ซีเดีย นี้เป็นหัวเกียร์แบบมีปุ่ม
การเข้าเกียร์ถอย-R ต้องมีการกดปุ่ม เกียร์จะดีดเองจาก P หรือ N ไป R ไม่ได้


เกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-R
การเลื่อนคันเกียร์ไปมาระหว่างแต่ละตำแหน่ง มีระยะห่างกันก็จริง แต่ก็น้อยมาก
การคาคันเกียร์คร่อมอยู่ระหว่าง 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ในกรณีของนักแสดงกับแลนเซอร์ซีเดีย ที่หลายคนเดาว่า ก่อนลงจากรถยนต์ไปเปิดประตู
มีการเข้าเกียร์คร่อมตำแหน่ง P-R หรือ N-R ไว้ แล้วพอมีแรงสะเทือนก็ทำให้เกียร์ดีดเข้า
R รถยนต์ก็เลยไหลได้ มีโอกาสเกิดขึ้น น้อยมาก และถ้าจริงๆแล้วคันเกียร์คร่อมตำแหน่งอยู่
ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดของคนไม่ใช่รถยนต์
ดังนั้น ไม่ว่าในช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์หรือจะทำอะไรก็ตาม ควรแน่ใจเสมอว่าคันเกียร์อยู่
ในล็อกของตำแหน่งที่ต้องการไม่คร่อมตำแหน่งอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะอย่างเกียร์ P ก็กดปุ่มแล้วดันไปข้างหน้าให้สุด,เกียร์ N ก็ไม่ต้องกดปุ่มแล้วดันไปข้าง
หน้าจะติด เพราะถ้าไม่กดปุ่มบนหัวเกียร์ ยังไงก็เลื่อนเลยไปถึง R ไม่ได้

หากคันเกียร์จะค้างคร่อมตำแหน่งอยู่ ก็เป็นความผิดของผู้ขับนั่นเอง
เพราะทุกเกียร์ มีล็อกที่ชัดเจนอยู่แล้ว


กดปุ่มที่หัวเกียร์ เท่าที่จำเป็น
ควรศึกษาระบบการล็อกคันเกียร์ในรถยนต์ของตนเองว่า การเลื่อนจากตำแหน่งใดไปยัง
ตำแหน่งอื่น ต้องกดหรือไม่ต้องกดปุ่ม ที่หัวเกียร์ แล้วจำให้ให้แม่นยำ
เช่น จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่ม (หรือเท้าอาจต้องกดเบรกด้วย),
จาก R ไป P หรือมา N, จาก N ไป-มากับ D ต้องกดปุ่มหรือไม่ ฯลฯ

หากไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ตลอดการขับก็ไม่ต้องกดปุ่ม
โดยไม่ต้องกลัวว่าสลักล็อกจะสึกหรอ เพราะผู้ผลิตออกแบบให้ทำ ได้เช่นนั้นอยู่แล้ว

โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า จะไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิต
ต้องการให้สะดวก ดังนั้นก็ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะถ้ากดปุ่มจาก N มา D ก็อาจเลื่อนเลยลงมา
เกียร์ต่ำกว่า D ได้ หรือกรณีจะผลักจาก D กลับไป N ก็อาจเลยไป R โดยไม่ตั้งใจได้

จำไว้ว่า ถ้าไม่ต้องกดปุ่มแล้วเลื่อนได้ ก็ ไม่ต้องกด ในกรณีของ N-D ถ้าไม่ต้องกดปุ่ม
แล้วเลื่อนไป-มาได้ ก็ให้ระวังทั้งตนเองและผู้อื่นผลักคันเกียร์โดยไม่ตั้งใจ

หากต้องจอดแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์
(โดยเฉพาะเด็กๆ) นอกจากควรดึงเบรกมือไว้และเข้าเกียร์ P ไว้ด้วย
โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้

ถ้าต้องกดปุ่ม นั่นก็คือ ต้องตั้งใจเข้าเกียร์ นั้นๆ ไม่ใช่การพลั้งเผลอ
เพราะไม่มีทางที่จะเลื่อนโดยไม่กดปุ่ม โดยเฉพาะเกียร์ R อย่างในข่าว


อย่าไว้ใจเบรกมือ
เมื่อดึงเบรกมือจนสุด หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง
รถยนต์จะต้องไม่ไหล แต่ไม่มีความแน่นอนว่าเมื่อไรจะไหล เช่น
สายสลิงเบรกมือยืดตัวรอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน

แม้เมื่อดึงเบรกมือสุด จะมีแรงกดผ้าเบรกมาก แต่ก็แค่ 2 ล้อ
และแรงกดนั้นน้อยกว่าการเหยียบเบรกอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรไว้ใจเบรกมือ
ควรคิดเสมอว่า แม้ดึงเบรกมือสุด แล้วรถยนต์ก็ยังอาจจะไหลได้

สามารถพิสูจน์ว่าเบรกมือไม่ได้มีการเบรกอย่างหนักแน่น ได้จากการที่หลายคนลืมดึงเบรกมือ
ค้างไว้ แล้วก็ยังขับรถยนต์ออกไปได้หลายกิโลเมตรหรือหลายสิบกิโลเมตร
โดยที่รถยนต์ไม่ได้มีอัตราเร่งอืดจนแตกต่างจากปกติ นั่นคือ
เบรกมือมีแรงเบรกพอสมควรเท่านั้น มิฉะนั้นคงไม่สามารถขับออกไปได้โดยหลายคนหลงลืม


จอดบนการจราจร มีผู้ขับ
หมายถึงกรณีที่ต้องจอดบนการจราจรชั่วคราว เช่น ติดไฟแดง การจราจรคับคั่ง
อย่าสับสนกับกรณีของนักแสดงที่เสียชีวิต จนทำให้ตัวเรากลัวรถยนต์ไหลโดยเข้าเกียร์ P
ในการจอดติดไฟแดง เพราะต่างรูปแบบกันเลย

การจอดติดไฟแดง มีผู้ขับอยู่ตามปกติ หากจอดไม่นาน ควรแตะเบรกและค้างไว้เกียร์ D
เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป มาระหว่าง N-D
หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ ไม่อันตราย

ไม่จำเป็นต้องเลื่อนเกียร์จาก D ผ่าน N R ผ่านไปยัง P เพราะขณะนั้นมีผู้ขับควบคุมอยู่
การเลื่อนไป P ต้องผ่าน R ไฟถอยหลังจะสว่างขึ้นชั่วครู่ จะสร้างความสับสนต่อผู้ที่ขับรถยนต์จอดอยู่ข้างหลัง เมื่อต้องออกตัวครั้งต่อไป
ก็ขาดความฉับไว เพราะต้องเลื่อนผ่านหลายเกียร์และไฟถอยหลังก็จะสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง

หากจอดนานหลายนาทีบนการจราจร เช่นติดไฟแดง สามารถปลดมาที่เกียร์ว่าง-N
ส่วนจะแตะเบรกหรือดึงเบรกมือควบคู่กันก็ตามสะดวก เพราะยังไงก็มีผู้ขับควบคุมอยู่ตามปกติ


ไม่ต้องห่วงรถยนต์มาก
รถยนต์ในไทยมีราคาแพง หลายคนจึงรักมาก ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ก็ไม่ควรรักมากเกินไป รถยนต์เป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาใหม่ได้

ในกรณีของนักแสดงนี้ ถ้าเสียชีวิตเพราะ มองเห็นรถยนต์ไหลแล้ว จึงพยายามดันรถยนต์จนตัวเองโดนเบียดเสียชีวิต
ก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่เสียชีวิตเพียงเพราะกลัวรถยนต์เสียหาย

ในกรณีเกียร์ P ที่จะมีสลักหรือตัวล็อก ในชุดเกียร์ควบคุมไม่ให้รถยนต์ไหล
และจะหักถ้ามีรถยนต์คันอื่นมาชนอย่างแรง ก็ไม่ต้องกลัวมากว่าสลักนั้นจะพัง
หากจอดไม่ขวางใคร เพราะการใส่เกียร์ P พร้อมเบรกมือ คือการป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหล
ได้ดีที่สุด ดีกว่าใส่ เกียร์ N +พร้อมเบรกมือที่มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า
โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่สามารถผลักจากเกียร์ N มา D ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม
รถยนต์เสีย ซ่อมได้คนตายแล้วตายเลย


เพิ่มสัญญานเตือน เมื่อเข้าเกียร์ถอย-R
ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น สิ้นเปลือง หรือบางคนบอกว่าน่ารำคาญ แต่จริงๆแล้วกลับสามารถ
เพิ่มความปลอดภัยได้ดี ค่าใช้จ่ายรวมติดตั้งตามร้านประดับยนต์ ไม่น่าเกิน 500 บาท
หรือถ้าไปซื้อจากแถวบ้านหม้อ ก็ราคาตัวละไม่เกิน 100 บาท นำมาติดตั้งพ่วงกับไฟถอย
อย่างง่ายๆ ติดตั้งเองหรือจ้างร้านติดตั้งไม่น่าเกิน 200 บาท
หากเสียงดังเกินไปและไม่มีปุ่มปรับ ก็ดัดแปลงไม่ยาก ใช้เทปโฟม 2 หน้าปิดทับรูที่เสียงผ่าน
ออกมา จะให้ดังหรือเบาแค่ไหนตามชอบ ถ้ารำคาญก็ให้เสียงเบาหน่อย
ถ้าอยากเตือนคนอื่นด้วยก็ปล่อยเสียงเต็มที่ ความน่ารำคาญเมื่อมีเสียงขณะถอยรถยนต์
ในอีกแง่มุมกลับสามารถเพิ่มความปลอดภัยได้


สรุป
จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย เริ่มจากตรวจสอบว่ารถยนต์รุ่นที่ขับอยู่
สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้นอกเหนือจากที่เกียร์อยู่ P หรือ N ได้ไหม
รวมถึงถ้าคร่อมอยู่กับ R หรือ D จะเป็นเช่นไร
หากสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบซ่อมแซม

ในการใช้งานจริง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
ควรต้องแน่ใจว่าอยู่ที่เกียร์ P หรือ N ตรงล็อกจริงๆ ไม่คร่อมอยู่กับเกียร์อื่น

ทดลองดูว่าเกียร์ใดบ้าง ต้องกดปุ่มที่หัวเกียร์
หรืออาจต้องเหยียบเบรกควบคู่กันด้วย ถึงจะเลื่อนเกียร์ได้ ก็ปฏิบัติตามนั้น

ถ้าระบบออกแบบมาไม่ต้องกดก็เลื่อนได้
โดยเฉพาะที่พบบ่อยคือ ระหว่าง N-D4-D3 ก็ไม่ต้องกดปุ่ม
เพราะอาจจะเลยไปยังเกียร์อื่นที่ไม่ต้องการ หากเกียร์ที่ต้องกดปุ่มแล้วถึงจะเลื่อนได้
เมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วไม่ต้องกดปุ่ม ก็เลื่อนเกียร์ได้ ให้รีบซ่อมแซม

การจอดขณะติดเครื่องยนต์แล้วต้องการลงจากรถยนต์
นอกจากดึงเบรกมือให้สุดแล้ว ควรเข้าเกียร์ P ไว้
นอกจากจะป้องกันรถยนต์ไหลได้ดีแล้วยังไม่มีความเสี่ยงที่ใครจะผลักจากเกียร์ N มา D

ไม่ต้องกลัวว่าเกียร์ P จะเสียหาย ใช้เมื่อจำเป็นอย่างเหมาะสม
ไม่ใช่ใช้แต่ดึงเบรกมือกับเกียร์ว่าง-N เพราะยังไงก็ไม่แน่นอนเท่าเกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือจนสุด

ไม่ควรเชื่อมั่นเบรกมือมากเกินไป
ตามปกติแล้วหากเข้าเกียร์ขับเคลื่อนและปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานรอบเดินเบา
หากดึงเบรกมือสุด รถยนต์จะต้องไม่ไหล ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ควรปรับตั้งหรือซ่อมระบบเบรกมือ
แต่ก็ไม่ต้องชะล่าใจว่าจะเอาอยู่ ดังนั้นถ้าต้องจอดขณะติดเครื่องยนต์และไม่มีผู้ขับ
ควรเข้าเกียร์ P ควบคู่กันด้วย

ถ้าคิดว่าเสียงเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-R มีประโยชน์
ก็สามารถหาติดตั้งได้ในค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาท
เกียร์ AUTO ต้องถูกควบคุมด้วยคน ดังนั้นความปลอดภัยหลักก็อยู่ที่.....คน

โดย วรพล สิงห์เขียวพงษ์


อ่านต่อ..