น่าสนใจ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอร์รถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอร์รถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

กรองแอร์นั้นสำคัญอย่างไร

หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่ารถรุ่นใหม่ เดี๋ยวนี้เค้ามีกรองแอร์แล้ว
บางท่านทราบแล้วแต่อาจคิดว่าไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ ก็รถเราใช้มาตั้งหลายปีแล้ว
ไม่เห็นมันจะเป็นไรเลย แล้วตกลงมันยังไงกันล่ะเนี่ย
 


โดยปกติแล้ว ระบบแอร์ในรถยนต์จะทำงานโดยให้พัดลม (Blower) เป่าอากาศไปที่คอยล์เย็น (Evaporator)
แล้วลมจะเป็นตัวนำพาความเย็นจากคอยล์แอร์ มายังผู้โดยสาร
(บางระบบจะให้พัดลมดูดความเย็นแล้วเป่าไปที่ผู้โดยสาร) เมื่อใช้ไปนานๆ ฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น
เกสรดอกไม้ เส้นผม ขนสัตว์ เศษใบไม้ ใบหญ้า จะเข้าไปติดอยู่ที่คอยล์เย็น เกิดผลให้

1. ลมที่พัดมายังผู้โดยสารเบา แอร์ไม่เย็น ทำให้ต้องเร่งพัดลมแอร์ เร่งความเย็นมากขึ้น
เป็นผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น

2. สิ่งสกปรก และเชื้อโรคต่างๆ ที่สะสมอยู่ตรงคอยล์เย็น เล็ดลอดมายังผู้โดยสาร
ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ คัดจมูก ในบางคน

3. เมื่อสิ่งสกปรกเหล่านั้นไปเกาะคอยล์เย็นมากๆ บางครั้งเกาะจนแข็ง ตอนใช้งานปกติก็ไม่เป็นอะไร
แต่เมื่อถึงเวลาไปล้างแอร์ ปรากฎว่าคอยล์เย็นรั่ว (ประมาณ 30-40% และขึ้นอยู่กับความสกปรกของตู้แอร์)
เนื่องจากสิ่งสกปรกเหล่านี้ ได้ไปกัดกร่อนแผงคอยล์เย็นทำให้เกิดรูรั่วโดยที่ฝุ่นเหล่านั้นอุดรูรั่วอยู่
แต่หลังล้างแอร์สิ่งสกปรกที่อุดรูรั่วเหล่านั้นถูกล้างออกไป คอยล์เย็นรั่ว ทำให้แอร์ไม่เย็น
 


ดังนั้น วิศวกรยานยนต์จึงได้คิดค้น Air Filter เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นเกาะคอยล์เย็น
โดยออกแบบตู้แอร์ ให้ใส่ Filter ได้ เพื่อให้ Air Filter กรองสิ่งสกปรก ก่อนที่จะเข้าไปถึงคอยล์เย็น

 

ประโยชน์ที่ได้ จากการติดตั้ง Air Filter

สามารถกรองฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ และเชื้อราในอากาศซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้

ช่วยยืดอายุการใช้งานของคอยล์เย็นไม่ทำให้แอร์ตันจากฝุ่น ยืดระยะเวลาการล้างตู้แอร์

ช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์แอร์ เนื่องจากตู้แอร์ไม่มีฝุ่น
จึงสามารถทำความเย็นได้เร็วขึ้น เป็นผลให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานน้อยลง

ลดปัญหาเสียงดังอี๊ดอ๊าดจากการถอดเข้า-ออก ของคอลโซลเพื่อล้างตู้แอร์ในรถ
(รื้อออกมาล้าง ประกอบใหม่ อาจหลวม ไม่แน่นเหมือนเดิม)

ทำให้เบาะและคอลโซลในรถยนต์ไม่หมองเร็ว เพราะฝุ่นละอองในอากาศ

ขอบคุณ คุณ bank_evolution LCC
ที่มา http://www.wish-club.net

อ่านต่อ..

เกร็ดน่ารู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์

เกร็ดน่ารู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์


1. ตรวจเช็คระบบปรับอากาศรถยนต์ของคุณทุกๆ 3-6 เดือนจากร้าน
หรือศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน

2. ควรหมั่นสังเกตระบบแอร์รถยนต์ของคุณด้วยตนเอง
หากแอร์ในรถของคุณความเย็นเริ่มลดลง ให้สันนิษฐานว่า อาจมีการรั่วของน้ำยาแอร์ หรือ
ท่อต่างๆในระบบอุดตัน ให้รีบนำรถของคุณเข้าตรวจเช็คโดยด่วน

3. ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12
หรือระบบ R-134a กันแน่ เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์

4. อย่าผสมน้ำยาแอร์ระบบ R-12 และ R-134a เข้าด้วยกัน
เพราะจะทำให้ระบบแอร์รถยนต์ของคุณเสียหายได้

5. น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้

6. หากคุณไม่แน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบ R-12 หรือ R-134a ให้เปิดตรวจเช็คจาก
ห้องเครื่องที่กระโปรงรถของคุณ โดยดูที่หัวเติมน้ำยาแอร์ ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็น
แบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค

7. จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น
ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี พ.ศ.2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a
(ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี พ.ศ.2539)

8. การรั่วซึมในระบบแอร์รถยนต์ อาจเกิดจากการหมดอายุการใช้งานของอะไหล่ได้

9. หากคุณต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยติดๆกันในเวลา 3 เดือน
อาจเกิดการรั่วในระบบแอร์ของคุณเข้าแล้ว

10. ระมัดระวังอย่าใช้น้ำยาแอร์ที่ติดไฟได้

11. การถ่ายเทอากาศ การสูบบุหรี่ในรถ ขณะเปิดแอร์ จะทำให้อากาศภายในรถไม่บริสุทธิ์
จึงควรเปิดช่องระบายอากาศเพื่อไล่ควันบุหรี่ออกไป และเมื่อใช้แอร์เป็นระยะเวลานานๆ
การเปิดช่องระบายอากาศเป็นระยะ จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น

12. เมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานหลายวัน
ควรติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ที่ซีลคอมเพรสเซอร์

13. ควรจอดรถยนต์ในที่ร่ม การจอกรถกลางแดดนาน จพทำให้ภายในรถร้อนอบอ้าว
ต้องใช้เวลานานกว่าจะเย็นลงได้ ในกรณีนี้ควรเปิดประตูหรือกระจกไว้สักครู่
ก่อนจะขับรถออกจากที่จอดรถ

14. ควรปิดช่องระบายอากาศและกระจกให้มิดชิด ขณะใช้เครื่องปรับอากาศ
เพื่อป้องกันมิให้ลมร้อนภายนอกไหลเข้ามาภายในตัวรถ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเย็นลดลงได้

15. ในการขับรถขึ้นเขา เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ควรปิดเครื่องปรับอากาศเป็นครั้งคราว
เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์และป้องกันเครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นด้วย

16. ควรทำความสะอาดแผงระบายความร้อนที่อยู่หน้าหม้อน้ำ โดยใช้ลมเป่าหรือใช้น้ำฉีด
แล้วใช้แปรงขนอ่อนๆ แปรงสิ่งสกปรกที่อยู่ตามครีบออกให้สะอาด เพียงเท่านี้
ก็จะช่วยยึดอายุการใ้งานแอร์รถยนต์ของท่านให้ยาวนาน และยังทำให้แอร์เย็นขึ้นอีกด้วย

เอกสารเผยแพร่
หน่วยอนุรักษ์โอโซน สำนักงานควบคุมวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม




อ่านต่อ..

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมื่อแอร์เหมือนพัดลม...ทำอย่างไรดี

เมื่อแอร์เหมือนพัดลม...ทำอย่างไรดี


เมื่อฤดูร้อนแวะเวียนมาถึงปัญหาอีกเรื่องของคนที่มีรถยนต์ก็คือ "แอร์ไม่เย็น"
จนถึงขั้นทำให้อารมณ์เสียและหงุดหงิดตามมา "ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง"จะขอแนะนำให้รู้จักวิธีตรวจเช็คแอร์ให้เย็นฉ่ำเสียตั้งแต่เริ่มหน้าร้อน

โดยอย่างแรกท่านควรจะตรวจเช็คระบบแอร์รถยนต์ของท่านว่าความเย็นของแอร์สุดแล้วหรือยัง
แต่ถ้ามีสภาพความเย็นพอใช้ได้หรือไม่เย็นเลย ไม่เหมือนกับช่วงก่อนที่ซื้อรถมาใหม่ ๆ
แค่ปรับความเย็นเพียงนิดเดียวก็เย็นฉ่ำ แสดงว่ารถยนต์ของท่านเริ่มมีปัญหาข้อบกพร่องในระบบ
แอร์แล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากหลายกรณี
แต่ที่พบกันเป็นส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจาก 2 กรณี คือ

สาเหตุแรก
ที่ทำให้แอร์มีความเย็นไม่เต็มที่ มาจากระบบน้ำยาแอร์มีไม่เพียงพอ หรือเกิดการรั่วไหลออก
นอกระบบการทำงาน ซึ่งท่านควรทำเป็นสิ่งแรกคือการตรวจหาคราบน้ำมันจากจุดต่อต่างๆ ของ
ระบบแอร์ที่อยู่บริเวณห้องเครื่องยนต์ (เพราะส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณนี้) ซึ่งถ้าพบว่าที่จุดต่อ
จุดใดจุดหนึ่งเกิดมีคราบน้ำมันติดล้อมรอบบริเวณจุดต่อนั้น ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็คคราบน้ำมันออก
แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เปิดแอร์อีกครั้งหากยังมีคราบน้ำมันไหลออกมาอีก แสดงว่า จุดนั้นเกิด
การรั่วซึม แก้ไขโดยการขันจุดต่อนั้นให้แน่นขึ้น
แล้วนำรถเข้าไปอัดน้ำยาเพิ่มที่ร้านบริการแอร์รถยนต์ให้เต็ม

หรือถ้าท่านตรวจเช็คระบบจนหมดแล้วแต่ไม่พบคราบน้ำมันเลย ท่านควรลองไปตรวจสอบน้ำยา
ในระบบดู ทำได้โดยการที่ท่านลองไปจ้องดู Side glass หรือเรียกภาษาช่างว่า ตาแมว
ซึ่งจะเป็นกระจกใสอยู่บริเวณหัวกระปุก ไดร์เออร์ (มีลักษณะเป็นกระปุกคล้ายกับถังดับเพลิง)
ให้อีกคนหนึ่งไปเปิดแอร์แล้วเร่งเครื่องยนต์ให้อยู่ในรอบสูง สังเกตดูว่ามีฟองอากาศไหลผ่าน
ตาแมว มากน้อยเพียงไร หากมีฟองอากาศไหลผ่านนานกว่า 15 นาที หลังการเปิดสวิตซ์แอร์
ก็แสดงว่าภายในระบบแอร์มีน้ำยาน้อยเกินไป ควรไปให้ร้านแอร์เติมน้ำยาให้อีกจนเต็ม
แล้วความเย็นฉ่ำก็จะกลับมา

สาเหตุที่สอง
ส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะประเภทรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปีแล้ว และไม่เคยมีการตรวจเช็คแอร์เลย
คือเรื่องของ คอยล์ตัน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของฝุ่นละอองที่ถูกพัดลมแอร์ดูดเข้ามากๆจนเริ่มที่
จะมีการอุดตัน ทำให้แอร์เริ่มไม่เย็น ท่านสามารถจะสังเกตการอุดตันของคอยล์แอร์ได้จากการ
ตรวจเช็คเหมือนกรณีแรกที่กล่าวมา หากการตรวจเช็คน้ำยาแอร์ ทุกอย่างยังสมบูรณ์ดี
แต่แอร์ยังไม่เย็นอีก หรือเมื่อเปิดแอร์ในช่วงแรกก็มีความรู้สึกเย็นดี แต่พอใช้ไปสักพักหนึ่ง
แอร์ก็เริ่มที่จะไม่เย็น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งบอกเหตุว่า คอยล์แอร์ เริ่มที่จะอุดตันแล้ว
เพราะอากาศที่จะไหลผ่านระบายความเย็นของคอยล์แอร์ไหลผ่านได้ไม่สะดวก จึงทำให้คอยล์
แอร์เกิดเป็นน้ำแข็ง อากาศที่ออกมาจากช่องแอร์จึงไม่เย็นเท่าที่ควร ซึ่งสาเหตุนี้ที่ท่านคงจะทำ
การถอดล้างคอยล์แอร์เองไม่ได้แน่นอน ดังนั้นควรนำรถยนต์ของท่านเข้ารับการตรวจเช็คที่ศูนย์
บริการจะดีกว่า เพื่อให้ช่างแอร์ทำการถอดล้างคอยส์แอร์ให้ หากท่านต้องการให้แอร์รถยนต์มี
ความเย็นชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดปี ท่านก็ควรจะนำรถของท่านไปล้างคอยล์แอร์ทุก 1 ปี
เพื่อให้คอยส์แอร์มีสภาพสมบูรณ์ตลอดไป

อีกอย่างที่อยากจะแนะนำก็คือวิธีการใช้แอร์ในรถยนต์
ท่านไม่ควรเปิดอัตราเร่งของพัดลมแอร์ในสปีคสูงอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คอยล์แอร์เกิด
การอุดตันเร็วขึ้นกว่าปกติทั่วไป นอกจากนั้นการปรับระดับความเย็นของอุณหภูมิไม่ควรที่จะปรับ
เปิด-ปิด ในระยะเวลาที่รวดเร็วจนเกินไป (ถ้าเป็นระบบปรับอากาศอัตโนมัติไม่เป็นไร)
เพราะในระบบแอร์ นั่นมีแรงดันของน้ำยาสูง หากท่านเปิด ๆ ปิด ๆ เร็วจนเกินไป
น้ำยาในระบบจะเกิดแรงดันสูงอาจทำให้ท่อน้ำเกิดแตกหรือรั่วได้ เพราะฉะนั้น หากต้องปรับ
อุณหภูมิความเย็นให้ลดลงหรือปิดแอร์ ถ้าต้องการเปิดใหม่ไม่ควรที่จะเปิดในทันที
ควรจะรอให้แรงดันของน้ำยาลดลงเสียก่อน ซึ่งก็ใช้เวลาไม่เกิน 1 นาที แล้วจึงเปิดให้ตาม
ต้องการ จะช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ของท่านได้เป็นอย่างมาก

และอีกประการหนึ่งที่ท่านควรจะรู้ไว้คือ เรื่องของการตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์
ซึ่งถ้าช่างตามร้านแอร์ที่ท่านไปเข้ารับบริการเขาบอกท่านว่าคอมเพรสเซอร์แอร์เสีย
ท่านควรจะลองตรวจสอบดูก่อนว่ามันเสียจริงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ชิ้นนั้นไม่ใช่ราคาถูกๆ
แต่มีราคาเรือนหมื่น มีช่างบางคนชอบใช้วิธีเปลี่ยนลูกเดียว หากว่าท่านไม่รู้เรื่อง
อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนั้นก็ได้ มีคนโดนแบบนี้มาแยะแล้ว

ถ้าคอมเพรสเซอร์เสียอย่างที่ช่างตามร้านบอก ท่านสามารถทดสอบดูได้โดยการปิดสวิตซ์แอร์
ทั้งหมดแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินสักพัก คราวนี้ลองเปิดสวิตซ์แอร์
สังเกตุดูว่า เครื่องยนต์มีอาการอะไรที่แตกต่างจากก่อนหน้าที่จะเปิดสวิตซ์แอร์เหรือเปล่า เช่น
รอบเครื่องต่ำลง ถ้าเครื่องยนต์ไม่มีอาการอะไรสั่น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักนิดก็แสดงว่า
เคราะห์ร้ายเริ่มมาหาท่านแล้ว ให้ลองตรวจเช็คดูระบบฟิวส์ แล้วไม่มีจุดขาดเสียหายก็แสดงว่า
คอมเพรสเซอร์ของท่านมีปัญหาแน่นอน ซึ่งก็คงจะต้องซ่อมหนัก หรืออาจจะถึงขั้นเปลี่ยนใหม่

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็คงจะพอทำให้ท่านผู้ใช้รถยนต์ได้หายร้อนกันได้บ้างกับเรื่องของระบบแอร์
ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่สำคัญมากที่สุดระบบหนึ่งภายในรถยนต์ของท่าน ดังนั้น
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศให้มีประสิทธิภาพดีและทนทาน
ด้วยการตรวจเช็คตามเวลาที่กำหนด

ที่มา GM online


อ่านต่อ..