น่าสนใจ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมื่อหลวงตามหาบัวโปรดพ่อในนรก

เมื่อหลวงตามหาบัวโปรดพ่อในนรก

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริงของคุณนุ่นที่หลายคนอาจจะไม่เชื่อแต่ลองอ่านให้จบท่านอาจได้ข้อคิด อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้เล่าที่มาของนุ่นบ้านของนุ่นอยู่ในกรุงเทพฯ ครอบครัวนุ่นจัดได้ว่าครอบครัวนุ่นมีฐานะครอบครัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ แม่และน้าของนุ่นเป็นพวกชอบเข้าวัดทำบุญมาก โดยเฉพาะวัดป่าบ้านตาด และสวนแสงธรรม ตั้งแต่มีโครงการณ์ช่วยชาติ ของหลวงตาบัว เข้าไปช่วยงานจนแทบจะเรียกว่าเป็นกิจกรรมหลักของชีวิตทีเดียวส่วนตัวพ่อและนุ่น แทบไม่เคยเข้าวัดเลย พ่อเป็นพวกติดเหล้า แต่ก็รักลูกมากจึงไม่ได้ไปกินเหล้านอกบ้าน แต่กินในบ้านเพื่อจะได้อยู่กับลูกและด้วยความสุดขั้วมาเจอกันทำให้พ่อและแม่นุ่นมีปากเสียงกันเป็นประจำ โดยพ่อก็จะต่อว่าแม่และลามไปถึงหลวงตาบัวถึงขนาดเรียกหลวงตาบัวว่า อีตาบัว นุ่นเองนอกจากจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่แล้วยังเห็นว่า แม่เอาแต่ทำบุญไม่สนใจพ่อและนุ่นเลย จึงเข้ากับพ่อเป็นปี่เป็นขลุ่ยทุกข์สุดในชีวิตและด้วยการใช้ชีวิตอย่างที่กินเหล้า-สูบบุหรี่จัด ทำให้มะเร็งคร่าชีวิตพ่อไปก่อนเวลาอันควรนั่นเป็นเหตุให้นุ่นเป็นทุกข์ ทุกข์ที่สุดในชีวิตของนุ่น แม่พยายามหาเวลามาอยู่กับนุ่นมากขึ้น แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากด้วยความคิดถึงพ่อทุกวันนุ่นต้องตื่นมาใสบาตรพระหน้าบ้าน เพื่ออุทิศให้พ่อจนมาวันหนึ่งแม่จึงเอ่ยปากชวน นุ่นไปทำบุญ ประทายข้าว ที่วัดป่าบ้านตาด กับหลวงตาบัว ด้วยความอคติที่พ่อพร่ำสอนนุ่น ทำให้นุ่นปฏิเสธในฉับพลันแม่จึงพยายามชี้แจงเหตุผลว่า ทำกับหลวงตาบัวได้บุญมาก พ่อเขาจะได้บุญมากไปด้วย หลังจากมีการทุ่มเถียงอยู่นาน แม่จึงใช้ไม้เด็ดว่า ถ้าทำกับหลวงตาแล้ว ถ้าพ่อไม่ได้รับบุญครั้งนี้ก็เลิกไปแม่ก็จะเลิกไปเหมือนกันนุ่นจึงไปด้วยเพราะเหมือนรับคำท้า พอไปในงานนุ่นก็ไปช่วยในกลุ่ม กองเรือป้าป้อม และด้วยความที่มาเพราะคำท้าทำให้นุ่น หงุดหงิดกับการมาครั้งนี้ตลอดงาน พ่อมาหาหลังจากเสร็จงานก็กลับบ้านที่กรุงเทพฯ และคืนนั้นเองระหว่างที่นุ่นหลับอยู่แม่ก็เข้ามาปลุกนุ่นด้วยอาการตกใจอย่างมาก นุ่นตื่นเร็วพ่อมา และแม่ก็พาไปห้องแม่ซึ่งตอนนี้นามานอนด้วย เมื่อเข้าไปน้าพูดขึ้นว่า นุ่นมาหาพ่อหน่อยนุ่นจึงตวาดกลับไป เล่นบ้าอะไร เอาพ่อมาเล่นบ้าอะไร พ่อในร่างน้าก็พยายามพูดให้นุ่นเชื่อว่าเป็นพ่อจริงๆ ไม่ใช่น้าจนมีการนำเรื่องที่มีเฉพาะนุ่นกับพ่อที่รู้กันแค่สองคนมาถาม ซึ่งพ่อก็ตอบได้ นุ่นจึงลงใจวิ่งเข้าไปกอดพ่อในร่างของน้า หลังจากแสดงความรักและคิดถึงกันอยู่นานพ่อจึงเล่าเรื่องหลังความตายของพ่อให้ฟังเรื่องหลังความตายพ่อเล่าว่า พ่อเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้า จึงถูกนำลงไปนรกไปกรอกน้ำทองแดง ระหว่างที่พ่อเข้าแถว พ่อเหลือบไปเห็นพระรูปหนึ่งเข้ามาอยู่ในบริเวณนั้น แล้วก็มีเสียงเรียก นายอำนวย...ออกมา พ่อไม่กล้าออกนอกแถว เพราะจะมีคนคอยเอาหอกแหลมแทงทะลุคนที่แตกแถว มันน่ากลัวมากพอถึงคิวพ่อถูกกรอกน้ำทองแดง ก็มีแรงมหาศาลฉุดพ่อออกจากแถว พร้อมพูดว่านายอำนวย...ออกมาถ้าเราสั่งแล้วไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก จำเราได้รึเปล่า จำไม่ได้ครับ เราอีตาบัวไง อีตาบัวที่อ๊อดชอบไปทำบุญบ่อยๆนะหรอกหรือครับเอ่อนั่นแหละเท่านั้นพ่อเข่าอ่อนเลย หลวงตาท่านทราบแต่ท่านไม่โกรธแต่ท่านกลับมาช่วยต่อรองเจ้ากรรมนายเวรหลวงตาพาพ่อไปหาคนที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีบุญบาปของมนุษย์ แต่พ่อไม่ค่อยทำบุญบุญน้อย จึงไม่พอให้เจ้ากรรมนายเวรหลวงตาจึงให้เปิดบัญชีบุญของแม่ ซึ่งมีมากแต่ยังไม่พอหลวงตาจึงว่า ให้ดูใหม่ มีบุญประทายข้าวด้วย เขาจึงเปิดอีกจึงพบและ หลวงตาให้เอาบุญนี้ให้เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งทางโน้นก็พอใจจึงปล่อยตัวพ่ออกมาได้ เรื่องของพ่อหลังพ้นจากนรกหลังจากที่หลวงตาท่านช่วยพ่อของนุ่น วิญญาณเร่ร่อนของพ่อน่นจึงได้ไปอย่วัดป่าบ้านตาด ดังเช่นวิญญาณอีกจำนวนมหาศาลที่หลวงตาบัวช่วยให้พ้นจากนรก เหตุที่มาวัดป่าบ้านตาดเพราะจะได้คอยอนุโมทนากับคนที่มาทำบุญที่วัด รวมไปถึงมีการพัฒนาคุณภาพวิญญาณ ให้มีมีบุญกุศลและความดีพอที่จะยกชั้นภูมิได้หากวิญญาณไหนโชคดีมีญาติมาปฏิบัติธรรมก็จะเปลี่ยนภพภูมิได้เร็วพ่อนุ่นยังเล่าต่ออีกว่าผ้าบังสุกุล ที่แม่กับนุ่นทำไปทอดทิ้งไว้ พ่อได้รับแล้ว เวลาร้อนก็อาศัยกันร้อนได้ เวลาหนาวก็อาศัยห่มได้นั่งสมาธิให้พ่อด้วยเนื่องจากภพภูมิที่พ่ออยู่ไม่เหมือนภพภูมิมนุษย์ เป็นภพที่ยังทุกข์อยู่มาก หากวันไหนนุ่นนั่งสมาธิแล้วอุทิศบุญให้พ่อ พ่อก็จะรู้สึกสบาย นุ่นจึงรับปากพ่อว่าจะนั่งสมาธิให้ทุกวัน ซึ่งหลังจากรับปากพ่อแล้ว นุ่นก็จะนั่งทุกวันซึ่งเป็นเวลาเดิมทุกวันแต่มีอยู่วันหนึ่งนุ่นได้ไปช่วยงานหลวงตา เมื่อเลยเวลานั่งสมาธินุ่นก็รู้สึกถึงอาการคันและเจ็บยิบๆเหมือนใครเอาเข็มมาจิ้ม พอนึกขึ้นได้ว่าเลยเวลานั่งสมาธิแล้วจึงพูดออกไปว่า เสร็จงาน กลับบ้านแล้วจะไปนั่งสมาธิให้พ่อเท่านั้นแหละอาการก็หายไป หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็มาแฝงน้าอีก นุ่นจึงถามพ่อว่าเรื่องที่คันยิบๆนั่นฝีมือพ่อรึเปล่า ซึ่งพ่อก็รับว่าใช่ หลวงตาเลื่อนงานประทายข้าวมีอยู่ปีหนึ่งหลวงตาท่านเลื่อนงานประทายข้าวให้มาเร็วขึ้น ราว1อาทิตย์ โดยท่านให้เหตุผลว่า อาทิตย์ที่เลื่อนไปท่านจะไปทำธุระนุ่นเองก้ได้ถามกับพ่อที่แฝงมาที่ร่างของน้า ถึงสาเหตุที่แท้จริง พ่อจึงตอบว่า ที่หลวงตาเลื่อนเพราะกำหนดการงานประทายข้าวเดิมตรงกับวันตัดสินของทางนรกหลวงตาจึงเลื่อนให้เร็วขึ้นเผื่อจะมีญาติของใคร ทำบุญให้คนที่ตกนรกหลวงตาจะได้ใช้บุญที่ญาติอุทิศไปให้ใช้ในการต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรพ่อบุญพอแล้ว หลังจากที่พ่อมาแฝงร่างน้าครั้งแรก นุ่นและแม่ได้เพียร ทำบุญกับหลวงตา รักษาศีล นั่งสมาธิ เพื่ออุทิศบุญให้พ่อ ซึ่งระหว่างนั้นพ่อก็เข้ามาแฝงน้าเป็นระยะๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อมาบอกนุ่นว่า หลวงตาบอกพ่อมีบุญพอแล้วที่จะเปลี่ยนภพภูมิไปเมืองสวรรค์ให้ไปตัดอาลัยทั้งหมดให้ได้จะพาไปภพภูมิที่ดีกว่า ตอนนี้พ่อเหลือห่วงคือลูกคนเดียวแต่ยังไงก็จะมาลาลูก นุ่นได้ยินดังนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ แล้วพูดว่า นุ่นไม่ยอม นุ่นไม่ยอมให้พ่อไปไหน พ่ออยู่อย่างนี้นุ่นยังได้เจอเวลาพ่อมาแฝงน้า พ่อก็พูดทั้งน้ำตาว่า น้ำตาของลูกในโลกวิญญาณมันท่วมเป็นทะเลมหาสมุทรแล้วแล้วพ่อก็เงียบไปนุ่นเล่าเรื่องนี้ให้แม่และน้าฟัง ทั้งสองจึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ นุ่น ทำใจเพื่อไม่ให้ขวางทางพ่อ ที่จะไปดี และพ่อก็มาอีก แต่คราวนี้นุ่น ทำใจได้แล้วและหลังจากนั้น พ่อก็ไม่เคยมาแฝงน้าอีกเลย เรื่องราวหลังจากนั้นและบทสรุปหลังจากนั้นนานมากแล้ว นุ่นก็ยังทำใจไม่ได้ ยังแอบร้องไห้คิดถึงพ่อเป็นประจำ ซึ่งมีวันหนึ่ง นุ่นไปกราบหลวงตาที่สวนแสงธรรมนุ่นนั่งอยู่ด้านล่างกุฏิหลวงตาขณะฟังเทศน์หลวงตา ด้วยความทุกข์ใจที่ยังตัดอาลัยไม่ขาดนุ่นจึงก้มหน้าและร้องไห้ออกมา แต่เป็นการร้องแบบเงียบๆไม่ได้รบกวนใคร ซักพักก็มีแม่ชีคนหนึ่งเดินเข้ามาลูบหลัง แล้วพูดขึ้นว่า พ่อหนูให้ฉันมาบอกว่า ตอนนี้พ่ออยู่สวรรค์แล้วสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง นุ่นถึงกับสะดุ้ง เพราะที่ร้องไห้เป็น การก้มหน้าแล้วน้ำตาไหล ซึ่งถ้าไม่มีใครมานั่งจ้องหน้าจริงๆก็จะไม่เห็น อีกทั้งเป็นเวลาค่ำแล้ว และต่อให้เห็นก็ไม่มีใครรู้ได้หรอกว่า นุ่นร้องไห้เรื่องอะไรแต่แม่ชีที่ไม่เคยเห็นหน้าคนนี้พูดตรงกับเรื่องของนุ่น ซึ่งมันไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ หลังจากคราวนั้นนุ่นก็ทำใจได้ และตั้งใจทำบุญเหมือนเดิม เพราะนุ่นเชื่อแล้ว เชื่อในบุญในบาป เชื่อในหลวงตามหาบัว แล้ววันนี้ท่านเชื่อรึยัง..????